จดทะเบียนสมาคม
การจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมใหม่
1.1 เป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคล
1.2 เพื่อกระทำการใดๆ เป็นการต่อเนื่อง มิใช่ทำกันเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วเลิกกันไป
1.3 การกระทำนั้นจะต้องไม่ใช้เป็นการหากำไร หรือหารายได้แบ่งปันกัน
1.4 ต้องมีข้อบังคับเป็นแนวทางปฏิบัติ
1.5 ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
1.6 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ พร้อมเอกสารดังต่อไปนี้ จำนวนอย่างละ 3 ชุด
1. รายงานการประชุมก่อตั้งสมาคม และแต่งตั้งผู้เป็นกรรมการสมาคมโดยระบุว่าให้ผู้ใดดำรง
ตำแหน่งใด
2. ข้อบังคับของสมาคม
3. รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก ไม่น้อยกว่า 10 คน
4. รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพ ของผู้ที่จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
5. บันทึกคำให้การฯ ของผู้ที่จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
6. แผนผังแสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคมหรือสำนักงานสาขา (ถ้ามี)
7. หนังสืออนุญาตให้ใช้สถานที่ของสมาคม จากผู้มีกรรมสิทธิ์ พร้อมหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น
โฉนดที่ดิน สัญญาซื้อขายบ้าน สัญญาเช่าอาคาร เป็นต้น
8. สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ และภาพถ่ายสำเนา
ทะเบียนบ้านของผู้จะเป็นสมาชิกและผู้ที่จะเป็นกรรมการทุกคน (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากเจ้าของ
ประวัติด้วยทุกคน ทุกฉบับ)
9. สำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมหรือองค์การตามกฎหมายว่าด้วยวัฒนธรรมแห่งชาติ ใน
กรณีสมาคมมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับงานของสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ (ต้องยื่นขออนุญาตจากสภาวัฒนธรรม
แห่งชาติก่อนจึงขอจัดตั้งสมาคมได้)
10. หนังสืออนุญาตให้ใช้ชื่อตัว ชื่อสกุลจากเจ้าของชื่อตัว ชื่อสกุล หรือทายาท (กรณีใช้ชื่อตัวหรือชื่อ
สกุลของบุคคลอื่นเป็นชื่อสมาคม)
*** เอกสารตามข้อ 1 – 10 ต้องจัดทำแนบคำร้อง จำนวนอย่างละ 3 ชุด ***
เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมตามกฎหมายและข้อบังคับของสมาคม
การเริ่มก่อตั้งสมาคม ต้องมีบุคคลหรือคณะบุคคล มาประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อดำเนินการใน
เรื่องต่อไปนี้
1. จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อก่อตั้งสมาคม
2. จัดทำข้อบังคับของสมาคม
3. กำหนดที่ตั้งของสำนักงานสมาคมพร้อมจัดทำแผนผังแสดงที่ตั้งของสมาคม
4. แต่งตั้งและกำหนดตำแหน่งกรรมการสมาคม เช่นนายกสมาคม อุปนายกสมาคม เหรัญญิก
เลขานุการ เป็นต้น
5. จัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิก ไม่น้อยกว่า 10 คน
6. จัดทำรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพ ของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
7. บันทึกคำให้การของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการทุกคน พร้อมพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัว
ประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งเจ้าตัวได้รับรองสำเนาถูกต้องแล้วทุกฉบับ
8. แต่งตั้งบุคคล เพื่อมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องการยื่นเรื่องราวขอจัดตั้งสมาคมอาจเป็น
เลขานุการสมาคม หรืออาจแต่งตั้งบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่กรรมการก็ได้ แต่ต้องมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร และ
ต้องมีกรรมการลงลายมือชื่อในคำขอ (แบบ ส.ค.1) จำนวน ไม่น้อยกว่า 3 คน
9. หนังสืออนุญาตพร้อมเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่นโฉนดที่ดิน หนังสือขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร
สัญญาซื้อขายอาคาร สัญญาเช่าอาคารจากเจ้าของหรือครอบครองอาคาร ที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้
สถานที่นั้น เป็นที่ตั้งของสำนักงานสมาคม
10. ในกรณีที่ใช้ชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นชื่อของสมาคมจะต้องได้รับอนุญาต
จากเจ้าของชื่อตัว ชื่อสกุล หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว โดยแนบหลักฐานของผู้อนุญาต เช่น ทะเบียนสมรส
บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
11. สำเนารายงานการประชุมจัดตั้งสมาคม
เมื่อได้ทำการประชุมและจัดการตามข้อ 1 – 11 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ได้รับมอบหมายจัดทำ
เอกสารเพื่อยื่นเรื่องขอจัดตั้งสมาคม ณ สำนักงานเขตที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ โดยเอกสารที่จะยื่น
ประกอบคำขอนั้น ต้องจัดทำจำนวนอย่างละ 3 ชุด
เพิ่มเติมใหม่ หรือมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ หรือแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ ก็ตาม สมาคม
ต้องจัดการประชุมคณะกรรมการสมาคมทั้งหมด โดยองค์ประชุมจะต้องครบถ้วน และเป็นไปตามข้อบังคับของ
สมาคมที่ได้รับการจดทะเบียนไว้ และนำมติที่ประชุมดังกล่าว ประกอบการจัดทำคำขอตามแบบ ส.ค.2 พร้อม
เอกสารประกอบคำขอ จำนวน 3 ชุด ยื่นต่อสำนักงานเขตที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ ภายใน 30 วัน
(มิใช่ 1 เดือน) หากเกินกำหนด 30 วันจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจด
ทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535 มาตรา 54 ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท
การแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ทั้งชุดกรณีครบวาระ ถึงแม้จะเป็นกรรมการชุดเดิมที่เคยดำรงตำแหน่งมา
ก่อน ก็จะต้องทำการบันทึกคำให้การเช่นเดียวกับกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่หรือแต่งตั้งเพิ่มเติมด้วย
พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านซึ่งเจ้าของรายการได้ลงนามรับรองสำเนาทุกรายด้วย
เอกสาร ข้อบังคับ และสรรพหนังสืออันเป็นหลักฐานของสมาคม ให้นายกสมาคม เป็นผู้ลงนามรับรอง
สำเนาเอกสารทุกฉบับ
การจัดประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ หรือเปลี่ยนแปลงกรรมการ ให้บรรจุ
วาระการประชุมไว้ในหัวข้อ ระเบียบวาระเพื่อพิจารณา เท่านั้น
2. สำเนารายงานการประชุมหรือเอกสารอื่นที่แสดงถึงมติของคณะกรรมการที่ให้มีการแต่งตั้งหรือ
เปลี่ยนแปลงกรรมการนั้นๆ
3. สำเนาบัญชีรายชื่อคณะกรรมการชุดเดิมทั้งคณะ
4. บัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ขอแต่งตั้งใหม่ทั้งชุดหรือที่ขอเปลี่ยนแปลง ซึ่งประกอบด้วย รายชื่อ
อายุ ที่อยู่ อาชีพ หมายเลขโทรศัพท์ และตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง
5. สำเนาข้อบังคับของสมาคม
6. บันทึกคำให้การของกรรมการทุกคน ตามแบบที่กำหนดแม้จะเป็นกรรมการเก่าซึ่งเคย
ดำรงตำแหน่งมาก่อนจนครบวาระแล้วก็ตาม ก็จะต้องทำการบันทึกคำให้การใหม่ทุกครั้งเช่นเดียวกับ
การที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่หรือแต่งตั้งเพิ่มเติมด้วยทุกราย
7. สำเนาบัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่จะเป็นกรรมการทุกคน ซึ่งเจ้าของ
รายการได้ลงนามรับรองสำเนาด้วยตนเองทุกฉบับ
8. หนังสือลาออกจากตำแหน่ง สำเนาใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
2. สำเนารายงานการประชุมหรือเอกสารอื่นที่แสดงถึงมติของคณะกรรมการที่ให้มีการเปลี่ยนแปลง
แก้ไข เพิ่มเติม ข้อบังคับ นั้นๆ
3. สำเนาข้อบังคับของสมาคมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และข้อบังคับในส่วนที่ประสงค์ขอแก้ไขเพิ่มเติมหรือ
เปลี่ยนแปลง
4. บัญชีเปรียบเทียบข้อบังคับเก่าและใหม่
5. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำการของสมาคม (ย้าย) ให้แนบแผนผังแสดงที่ตั้งสำนักงานแห่ง
ใหม่ และหนังสืออนุญาต รวมทั้งหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ จากเจ้าของอาคาร เจ้าของที่ดิน ที่ให้ใช้สถานที่
ดังกล่าว และรับรองสำเนาโดยผู้มีอำนาจหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยทุกฉบับ
2. วัตถุประสงค์ของสมาคม
3. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคม
4. วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ
5. อัตราค่าบำรุงของผู้ที่จะเป็นสมาชิก
6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม คือจำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรง
ตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการประชุมคณะกรรมการ
7. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสมาคม การบัญชี การทรัพย์สินของสมาคม
8. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่
1. ค่าจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมใหม่ 2,000 บาท
2. ค่าจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ครั้งละ 200 บาท
3. ค่าจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ ครั้งละ 200 บาท
4. ค่าขอตรวจเอกสาร ครั้งละ 50 บาท
5. ค่าคัดและรับรองสำเนาเอกสาร แผ่นละ 10 บาท แต่ไม่เกิน 500 บาท
6. ค่าคำขอ ครั้งละ 5 บาท
- สมาคม คือการรวมตัวของกลุ่มบุคคล เป็นองค์กร เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างต่อเนื่องโดยสมาคม
1.1 เป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคล
1.2 เพื่อกระทำการใดๆ เป็นการต่อเนื่อง มิใช่ทำกันเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วเลิกกันไป
1.3 การกระทำนั้นจะต้องไม่ใช้เป็นการหากำไร หรือหารายได้แบ่งปันกัน
1.4 ต้องมีข้อบังคับเป็นแนวทางปฏิบัติ
1.5 ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
1.6 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
- การจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม
ใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ พร้อมเอกสารดังต่อไปนี้ จำนวนอย่างละ 3 ชุด
1. รายงานการประชุมก่อตั้งสมาคม และแต่งตั้งผู้เป็นกรรมการสมาคมโดยระบุว่าให้ผู้ใดดำรง
ตำแหน่งใด
2. ข้อบังคับของสมาคม
3. รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก ไม่น้อยกว่า 10 คน
4. รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพ ของผู้ที่จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
5. บันทึกคำให้การฯ ของผู้ที่จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
6. แผนผังแสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคมหรือสำนักงานสาขา (ถ้ามี)
7. หนังสืออนุญาตให้ใช้สถานที่ของสมาคม จากผู้มีกรรมสิทธิ์ พร้อมหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น
โฉนดที่ดิน สัญญาซื้อขายบ้าน สัญญาเช่าอาคาร เป็นต้น
8. สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ และภาพถ่ายสำเนา
ทะเบียนบ้านของผู้จะเป็นสมาชิกและผู้ที่จะเป็นกรรมการทุกคน (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากเจ้าของ
ประวัติด้วยทุกคน ทุกฉบับ)
9. สำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตจัดตั้งสมาคมหรือองค์การตามกฎหมายว่าด้วยวัฒนธรรมแห่งชาติ ใน
กรณีสมาคมมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับงานของสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ (ต้องยื่นขออนุญาตจากสภาวัฒนธรรม
แห่งชาติก่อนจึงขอจัดตั้งสมาคมได้)
10. หนังสืออนุญาตให้ใช้ชื่อตัว ชื่อสกุลจากเจ้าของชื่อตัว ชื่อสกุล หรือทายาท (กรณีใช้ชื่อตัวหรือชื่อ
สกุลของบุคคลอื่นเป็นชื่อสมาคม)
*** เอกสารตามข้อ 1 – 10 ต้องจัดทำแนบคำร้อง จำนวนอย่างละ 3 ชุด ***
- การเตรียมการจัดตั้งสมาคม
เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมตามกฎหมายและข้อบังคับของสมาคม
การเริ่มก่อตั้งสมาคม ต้องมีบุคคลหรือคณะบุคคล มาประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อดำเนินการใน
เรื่องต่อไปนี้
1. จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อก่อตั้งสมาคม
2. จัดทำข้อบังคับของสมาคม
3. กำหนดที่ตั้งของสำนักงานสมาคมพร้อมจัดทำแผนผังแสดงที่ตั้งของสมาคม
4. แต่งตั้งและกำหนดตำแหน่งกรรมการสมาคม เช่นนายกสมาคม อุปนายกสมาคม เหรัญญิก
เลขานุการ เป็นต้น
5. จัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิก ไม่น้อยกว่า 10 คน
6. จัดทำรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพ ของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมทุกคน
7. บันทึกคำให้การของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการทุกคน พร้อมพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัว
ประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งเจ้าตัวได้รับรองสำเนาถูกต้องแล้วทุกฉบับ
8. แต่งตั้งบุคคล เพื่อมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องการยื่นเรื่องราวขอจัดตั้งสมาคมอาจเป็น
เลขานุการสมาคม หรืออาจแต่งตั้งบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่กรรมการก็ได้ แต่ต้องมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร และ
ต้องมีกรรมการลงลายมือชื่อในคำขอ (แบบ ส.ค.1) จำนวน ไม่น้อยกว่า 3 คน
9. หนังสืออนุญาตพร้อมเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่นโฉนดที่ดิน หนังสือขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร
สัญญาซื้อขายอาคาร สัญญาเช่าอาคารจากเจ้าของหรือครอบครองอาคาร ที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้
สถานที่นั้น เป็นที่ตั้งของสำนักงานสมาคม
10. ในกรณีที่ใช้ชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นชื่อของสมาคมจะต้องได้รับอนุญาต
จากเจ้าของชื่อตัว ชื่อสกุล หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว โดยแนบหลักฐานของผู้อนุญาต เช่น ทะเบียนสมรส
บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
11. สำเนารายงานการประชุมจัดตั้งสมาคม
เมื่อได้ทำการประชุมและจัดการตามข้อ 1 – 11 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ได้รับมอบหมายจัดทำ
เอกสารเพื่อยื่นเรื่องขอจัดตั้งสมาคม ณ สำนักงานเขตที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ โดยเอกสารที่จะยื่น
ประกอบคำขอนั้น ต้องจัดทำจำนวนอย่างละ 3 ชุด
- การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคม การแต่งตั้งกรรมการสมาคมใหม่ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม
เพิ่มเติมใหม่ หรือมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ หรือแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ ก็ตาม สมาคม
ต้องจัดการประชุมคณะกรรมการสมาคมทั้งหมด โดยองค์ประชุมจะต้องครบถ้วน และเป็นไปตามข้อบังคับของ
สมาคมที่ได้รับการจดทะเบียนไว้ และนำมติที่ประชุมดังกล่าว ประกอบการจัดทำคำขอตามแบบ ส.ค.2 พร้อม
เอกสารประกอบคำขอ จำนวน 3 ชุด ยื่นต่อสำนักงานเขตที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ ภายใน 30 วัน
(มิใช่ 1 เดือน) หากเกินกำหนด 30 วันจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจด
ทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535 มาตรา 54 ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท
การแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ทั้งชุดกรณีครบวาระ ถึงแม้จะเป็นกรรมการชุดเดิมที่เคยดำรงตำแหน่งมา
ก่อน ก็จะต้องทำการบันทึกคำให้การเช่นเดียวกับกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่หรือแต่งตั้งเพิ่มเติมด้วย
พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านซึ่งเจ้าของรายการได้ลงนามรับรองสำเนาทุกรายด้วย
เอกสาร ข้อบังคับ และสรรพหนังสืออันเป็นหลักฐานของสมาคม ให้นายกสมาคม เป็นผู้ลงนามรับรอง
สำเนาเอกสารทุกฉบับ
การจัดประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ หรือเปลี่ยนแปลงกรรมการ ให้บรรจุ
วาระการประชุมไว้ในหัวข้อ ระเบียบวาระเพื่อพิจารณา เท่านั้น
- เอกสารเพื่อประกอบคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ ( ส.ค.2 ) มีดังนี้
2. สำเนารายงานการประชุมหรือเอกสารอื่นที่แสดงถึงมติของคณะกรรมการที่ให้มีการแต่งตั้งหรือ
เปลี่ยนแปลงกรรมการนั้นๆ
3. สำเนาบัญชีรายชื่อคณะกรรมการชุดเดิมทั้งคณะ
4. บัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ขอแต่งตั้งใหม่ทั้งชุดหรือที่ขอเปลี่ยนแปลง ซึ่งประกอบด้วย รายชื่อ
อายุ ที่อยู่ อาชีพ หมายเลขโทรศัพท์ และตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง
5. สำเนาข้อบังคับของสมาคม
6. บันทึกคำให้การของกรรมการทุกคน ตามแบบที่กำหนดแม้จะเป็นกรรมการเก่าซึ่งเคย
ดำรงตำแหน่งมาก่อนจนครบวาระแล้วก็ตาม ก็จะต้องทำการบันทึกคำให้การใหม่ทุกครั้งเช่นเดียวกับ
การที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่หรือแต่งตั้งเพิ่มเติมด้วยทุกราย
7. สำเนาบัตรประจำตัว และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่จะเป็นกรรมการทุกคน ซึ่งเจ้าของ
รายการได้ลงนามรับรองสำเนาด้วยตนเองทุกฉบับ
8. หนังสือลาออกจากตำแหน่ง สำเนาใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
- เอกสารลำดับ 2 – 8 ต้องแนบจำนวน 3 ชุด และต้องยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันประชุมเอกสารเพื่อประกอบคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของสมาคม ( ส.ค.2 )
2. สำเนารายงานการประชุมหรือเอกสารอื่นที่แสดงถึงมติของคณะกรรมการที่ให้มีการเปลี่ยนแปลง
แก้ไข เพิ่มเติม ข้อบังคับ นั้นๆ
3. สำเนาข้อบังคับของสมาคมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และข้อบังคับในส่วนที่ประสงค์ขอแก้ไขเพิ่มเติมหรือ
เปลี่ยนแปลง
4. บัญชีเปรียบเทียบข้อบังคับเก่าและใหม่
5. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำการของสมาคม (ย้าย) ให้แนบแผนผังแสดงที่ตั้งสำนักงานแห่ง
ใหม่ และหนังสืออนุญาต รวมทั้งหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ จากเจ้าของอาคาร เจ้าของที่ดิน ที่ให้ใช้สถานที่
ดังกล่าว และรับรองสำเนาโดยผู้มีอำนาจหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยทุกฉบับ
- เอกสารลำดับ 1 – 5 ต้องแนบจำนวน 3 ชุด และต้องยื่นภายใน 14 วัน นับแต่วันประชุมข้อบังคับของสมาคมต้องประกอบด้วย
2. วัตถุประสงค์ของสมาคม
3. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคม
4. วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ
5. อัตราค่าบำรุงของผู้ที่จะเป็นสมาชิก
6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม คือจำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรง
ตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการประชุมคณะกรรมการ
7. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสมาคม การบัญชี การทรัพย์สินของสมาคม
8. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่
- อัตราค่าธรรมเนียม
1. ค่าจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมใหม่ 2,000 บาท
2. ค่าจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ครั้งละ 200 บาท
3. ค่าจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ ครั้งละ 200 บาท
4. ค่าขอตรวจเอกสาร ครั้งละ 50 บาท
5. ค่าคัดและรับรองสำเนาเอกสาร แผ่นละ 10 บาท แต่ไม่เกิน 500 บาท
6. ค่าคำขอ ครั้งละ 5 บาท
จดทะเบียน
- จดทะเบียนบริษัทจำกัด
- จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด
- จดทะเบียนใบทะเบียนพาณิชย์
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- จดทะเบียนมูลนิธิ
- จดทะเบียนสมาคม
จดเปลี่ยนแปลงแก้ไข รายการสำคัญ รายการเอกสารของบริษัทและห้างหุ้นส่วน
- จดแจ้งย้ายที่ตั้งบริษัท
- จดเพิ่มสาขา
- จดเปลี่ยนตราสำคัญ
- จดเปลี่ยนชื่อบริษัท
- จดเพิ่ม-ลดกรรมการ เข้า-ออก
- จดเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท
- จดแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์
จดทะเบียนเกี่ยวกับสินค้า
- จดเครื่องหมายการค้า
- จดสิทธิบัตร
- จดลิขสิทธิ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ คุณวาสนา
02-107-3057 Ext. 78200
092-276-4805
02-107-3057 Ext. 78200
092-276-4805